Manufacturing Expo Logo
19 - 22 มิถุนายน 2567

   

   

5 Modern Features สู่อนาคตใหม่ของโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์

   

  • โรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่ ไม่อาจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพหากไม่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและบูรณาการคุณสมบัติอัจฉิรยะต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน
  • 5 คุณสมบัติอัจฉริยะเด่นในยุคใหม่ที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องมีแบบมีครบครัน ได้แก่ Modern Building Materials, Modern Energy, Modern IT and Security, Modern Envirotech (Environment+Technology) และ Modern System

 

        อนาคตของโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารมีแนวโน้มที่จะถูกกำหนดโดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการบูรณาการคุณสมบัติอัจฉริยะต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ต่อไปนี้เป็นคุณสมบัติสู่อนาคตใหม่ 5 ประการหลัก ที่สามารถนำไปสู่อนาคตใหม่ที่สดใสของโรงงานอุตสาหกรรมและอาคาร

   

1. Modern Building Material

วัสดุก่อสร้างและตกแต่งที่รวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความยั่งยืนของอาคาร วัสดุเหล่านี้มักจะรวมเซ็นเซอร์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล ติดตามสภาวะ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงโดยอัตโนมัติ จุดมุ่งหมายคือการสร้างโครงสร้างที่ชาญฉลาด ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตัวอย่างเช่น กระจกอัจฉริยะ สามารถเปลี่ยนสีหรือความโปร่งใสได้เพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม หรือจะเป็นคอนกรีตซ่อมแซมตัวเอง สามารถซ่อมแซมรอยแตกร้าวได้เอง ช่วยให้โครงสร้างมีอายุการใช้งานยาวนานและทนทานยิ่งขึ้น ส่วนการเคลือบทำความสะอาดตัวเองบนแผงโซลาร์เซลล์สามารถป้องกันการสะสมสิ่งสกปรก และมูลนก ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะดูดซับแสงได้เต็มประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ 3M ใช้สายพานลำเลียงแบบทำความสะอาดตัวเองในโรงงานผลิต ประโยชน์ที่ได้รับจากการเคลือบที่ขับไล่สิ่งสกปรก น้ำมัน และเศษต่าง ๆ ช่วยลดเวลาหยุดทำงานเพื่อทำความสะอาดและบำรุงรักษา รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์

   

2. Modern Energy

คือการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและระบบอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การกระจาย และการใช้พลังงานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เป้าหมายคือการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนด้านพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด ช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การประหยัดต้นทุนได้อย่างชัดเจน ด้วยการติดตามและวิเคราะห์การใช้พลังงานแบบเรียลไทม์  ทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและดำเนินการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการในขั้นตอนที่บกพร่อง กอปรกับการใช้เครื่องมือติดตามและบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ขั้นสูง จึงสามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาสำคัญได้

   

3. Modern IT and Security

เป็นการบูรณาการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ขั้นสูงและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต และความปลอดภัยของการดำเนินงานทางอุตสาหกรรม การบูรณาการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ กลายเป็นดิจิทัลและเชื่อมต่อกันมากขึ้น ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Rockwell Automation นำเสนอโซลูชัน PlantPAx Distributed Control System (DCS) เพื่อรักษาความปลอดภัยทางอุตสาหกรรม ประกอบด้วยเครื่องมือสำหรับการประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยของเครือข่าย โดยโรงงานแปรรูปอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้โซลูชั่นนี้สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการโจมตีทางไซเบอร์

   

4. Modern Envirotech (Environment+Technology)

เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะเรียกอีกอย่างว่าเทคโนโลยี 'สีเขียว' หรือ 'สะอาด' อันชาญฉลาด เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ หรือลดผลกระทบด้านลบของเทคโนโลยีต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากร เช่น "การคัดแยกขยะอัจฉริยะ" ด้วยระบบคัดแยกอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์และกล้อง ใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) สำหรับการจดจำภาพและการระบุวัสดุ ทำให้แยกวัสดุรีไซเคิลออกจากขยะทั่วไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มอัตราการรีไซเคิลและลดของเสียจากการฝังกลบ หรือ "การจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะสำหรับของเสียอันตราย" เพื่อรับรองการจัดการและการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัย โดยใช้แท็ก RFID (Radio-Frequency Identification) ตรวจสอบสภาพแวดล้อม รวมถึงตรวจจับและติดตามภาชนะบรรจุของเสียอันตรายที่รั่วไหล ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ระดับองค์กรชั้นนำ นำเสนอโซลูชันสำหรับการจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบดิจิทัล รวมถึงการจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะสำหรับวัตถุอันตราย ด้วยการรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์จากแท็ก RFID และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการควบคุมรายการของเสียอันตราย

   

5. Modern System

ระบบที่รวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมักขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันการทำงาน ประสิทธิภาพ และความสามารถในการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยระบบอัจฉริยะใช้ข้อมูล เซ็นเซอร์ และการเชื่อมต่อเพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดหรือดำเนินการอัตโนมัติ ในบริบทของโรงงานอุตสาหกรรม ระบบอัจฉริยะมักเรียกกันว่า "การผลิตอัจฉริยะ" หรือ "ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม" ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ ระบบอัตโนมัติในอาคาร (BAS) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความยั่งยืนของอาคาร ด้วย IoT (Internet of Things) ทำให้ BAS สามารถเข้าถึงและจัดการจากระยะไกลได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของอาคาร ปรับการตั้งค่า และรับการแจ้งเตือนผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวม ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่นำเสนอโซลูชั่นนี้ เช่น Siemens, Johnson Controls, Schneider Electric, Honeywell, ABB, Delta Controls, Trane, Beckhoff Automation และ Emerson เป็นต้น

   

โปรดติดตามข่าวคราวล่าสุดและอัพเดทความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในแวดวงการก่อสร้างและโรงงานได้ที่บล็อกนี้ รวมถึงในวันที่ 19-22 มิถุนายน 2567 ณ ไบเทค บางนา เตรียมพบกับ FacTech 2024 งานแสดงเทคโนโลยีเพื่อการก่อสร้าง บำรุงรักษา บริหารจัดการโรงงานและอาคารที่คับคั่งและมีรวบรวมคุณสมบัติอัจฉริยะทั้ง 5 ข้อนี้ไว้อย่างครบครัน นับเป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีประเภทนี้เพียงแห่งเดียวในอาเซียน


แบ่งปันบล็อก :